Management team

จากปี 2510 คุณธีรสุวัฒน์ ชวรัตนานันท์ กำเนิดขึ้นในครอบครัวของชาวจีนกวางตุ้งที่มีบรรพบุรุษคือ ปู่และย่าอพยพมาอยู่ที่เมืองไทย โดยพื้นเพของชาวกวางตุ้งจะมีฝีมือในด้านการทำอาหารแม้ปัจจุบันอาหารกวางตุ้งของชาวจีนก็ยังเป็นอาหารที่มีผู้ให้ความนิยมและหารับประทานอยู่เป็นประจำ ในครอบครัวพี่น้องทั้งหมดได้รับการศึกษาเป็นอย่างดี ส่วนใหญ่จะเรียนไปทางสายบัญชี การเงินและการธนาคาร มีเพียงคุณธีรสุวัฒน์ที่หันเหไปเรียนวิชาชีพด้านพยาบาล และเป็นคนเดียวที่มีแนวคิดไม่ต้องการสืบทอดกิจการจากคุณพ่อซึ่งตอนนั้นท่านทำกิจการซ่อมรถ เนื่องจากอยากทำงานที่ได้แต่งตัวดี ไม่อยากทำงานที่สกปรกเลอะเทอะและข้อสำคัญอยากช่วยตนเองเรื่องการเรียนไม่ต้องการอาศัยพ่อแม่ โดยการเรียนเป็นพยาบาลทหารที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆในการเรียน เมื่อเรียนจบปริญญาตรีด้านพยาบาลแล้วก็ได้เข้ารับราชการ เป็นบุตรคนเดียวที่รับราชการ แต่ด้วยความที่มีบุคลิกไม่ชอบอยู่เฉย ชอบทำสิ่งที่ท้าทาย จึงได้หางานต่างๆทำเสริม และ หาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา ทำให้ต้องจบชีวิตราชการไปในเวลา 10 ปี และนั่นคือจุดเริ่มต้นสำหรับชีวิตที่ก้าวเข้าสู่เส้นทางธุรกิจอย่างเต็มตัวจนมาถึงปัจจุบัน

เริ่มต้นเส้นทางธุรกิจด้วยอาชีพขายตรงด้วยวัยเพียง 27 ปี นับว่าประสบความสำเร็จกับอาชีพนี้ด้วยผลงานการทำยอดขายจากทีมได้ในระดับที่สูงพอสมควร แต่ยังรู้สึกว่าไม่ใช่เส้นทางที่ใฝ่ฝัน จึงได้ไปสมัครงานเป็นพนักงานขายกับบริษัทแห่งหนึ่งที่พึ่งเปิดแผนกขายเครื่องจักรและเป็นพนักงานขายคนแรกของบริษัทนี้เลยทีเดียว ได้เรียนรู้มากมายเรื่องเครื่องจักร เรื่องวิธีการขาย

การวางแผนการหาลูกค้า ข้อสำคัญเรียนรู้เรื่องความขยันและความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ ผ่านไป 6 เดือนยังไม่สามารถขายได้ แต่การไม่ย่อท้อทำให้ประสบความสำเร็จเมื่อวันหนึ่งที่ต้องขี่รถมอเตอร์ไซค์ จากดาวคะนองเพื่อไปพบลูกค้าที่แยกวังมะนาว แล้วต้องเจอกับสภาวะอากาศที่เลวร้ายคือฝนตกหนักและรถที่ขี่ก็ยางแตก เป็นครั้งแรกที่ต้องหลั่งน้ำตากับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วถามตัวเองว่านี่มันอะไรกัน จิตใจขณะนั้นต้องต่อสู้กันมากระหว่างเลิกล้มความตั้งใจที่จะไปพบลูกค้า กับ มุ่งมั่นต่อไปที่จะไปพบลูกค้า แล้วในที่สุดความมุ่งมั่นก็เป็นผู้ชนะและมีรางวัลคือการขายสินค้าได้ บทเรียนนี้มีค่ามากในชีวิตเพราะได้ให้รางวัลที่ดีที่สุดนั่นคือ “ความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค” หลังจากนั้นก็สามารถขายสินค้าได้จนเจ้านายมาพูดว่า “คุณคงได้อยู่กับผมไม่นาน” และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

หลังจากที่ได้แต่งงานชีวิตก็ต้องหันเหอีกครั้ง ต้องออกจากงานตามคำพูดของเจ้านายเพราะต้องมาช่วยธุรกิจของบ้านภรรยาและร่วมทำธุรกิจทำทองรูปพรรณกับเพื่อน แต่โชคไม่ดีนัก ปี 2540 ไทยต้องเจอกับวิกฤติของเศรษฐกิจที่ทำธุรกิจทั้งเล็กและใหญ่มากมายล้มกันระเนระนาด จึงทำให้ต้องกลับไปยึดอาชีพพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงนั้นมีเพื่อนได้แนะนำให้ทำธุรกิจพืชผลการเกษตรอบแห้ง จึงได้เปิดบริษัทขึ้นและรับสินค้าจากโรงงานมาจำหน่าย ผ่านไป 4 เดือนก็ยังขายไม่ได้ เงินทองก็หายไปกับสินค้าชีวิตเข้าสู่ภาวะที่ยากจนและขัดสนอย่างที่สุด เป็นช่วงหนึ่งของชีวิตที่ต้องลำบากมาก แต่อาศัยบทเรียนที่มีค่าจากเหตุการณ์วังมะนาวทำให้สามารถผ่านพ้นมาได้

จากความที่ไม่ย่อท้อ การติดต่อลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ขับรถวันละ 300 กิโลเมตรติดต่อกันเป็นเวลากว่า 10 เดือน คำสั่งซื้อแรกก็สำเร็จ ได้รับคำสั่งซื้อเป็นเงิน 1,250 บาท มูลค่าไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกว่ามันคือ “ความสำเร็จ” ฉลองกับครอบครัวด้วย “หมูกระทะบุฟเฟ่ต์” สิ่งที่ได้รับจากความมุ่งมั่น คือ ลูกค้ามีความเชื่อถือว่า บริษัทสามารถส่งสินค้าได้เร็วและตรงเวลา และสินค้าได้คุณภาพตามที่ตกลง จึงได้ขยายพื้นที่โรงงานและปรับปรุงด้วยการทำระบบ GMP, HACCP มาใช้เพื่อให้การรับรองมาตรฐานการผลิตต่อลูกค้า จากพื้นที่โรงงานเล็กๆตอนแรก 80 ตารางวา ภายในเวลา 3 ปี ได้ตัดสินใจซื้อโรงงานเก่าขนาดเนื้อที่ 1 ไร่ และลงทุนเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท เพื่อให้การผลิตตรงตามคุณภาพและทันต่อความต้องการของลูกค้าทุกราย จนเมื่อลูกค้ามาเยี่ยมชมโรงงานและถามว่า “สะสมเครื่องจักรหรือ” คำตอบที่ตอบลูกค้าคือ “เราเคยผิดนัดการส่งสินค้าหรือไม่” และนี่คือจุดเริ่มต้นความสำเร็จของ “หจก.เค.พี.โปรดักส์ ซัพพลาย”